ผู้เชี่ยวชาญชี้ "เรือดำน้ำไททัน" มีโอกาสพบคนรอดชีวิตจาก เพียง 1%

ผู้เชี่ยวชาญทางทะเล รวมถึง "เดวิด มาร์เกต์" อดีตกัปตันเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของกองทัพเรือสหรัฐฯ คาดการณ์ไปในทิศทางเดียวกันว่า หากเรือดำน้ำ "ไททัน" ติดอยู่กับ ซากเรือไททานิก ตามที่มีการสันนิษฐานไว้จริง โอกาสที่จะพบคนบนเรือรอดชีวิต มีเพียง 1% เท่านั้น

 ผู้เชี่ยวชาญชี้ "เรือดำน้ำไททัน" มีโอกาสพบคนรอดชีวิตจาก เพียง 1%

ภารกิจครั้งนี้ ใช้ทีมงานจากหลายฝ่าย อาทิ ทีมกู้ภัยจากกองทัพเรือ กองทัพอากาศ และหน่วยยามชายฝั่งทั้งของสหรัฐฯ และแคนาดา นอกจากนี้ ยังมีกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิจากนิวยอร์ก และเรือวิจัยของฝรั่งเศส ร่วมด้วยคำพูดจาก สล็อตออนไลน์

โดยเป็นการปูพรมค้นหาตลอด 24 ชั่วโมง ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก ห่างจากชายฝั่งรัฐนิวฟันด์แลนด์ ทางตะวันออกของแคนาดาประมาณ 600 กม.

คลิปวิดีโอเปรียบเทียบซากเรือที่จมตั้งแต่อดีต – ปัจจุบัน กับความลึกของมหาสมุทร

จุดที่ค้นหาครอบคลุมพื้นที่ไม่น้อยกว่า 10,000 ตารางไมล์ หรือ 26,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งถือว่าใหญ่กว่ารัฐคอนเนตติคัตทั้งรัฐ และล่าสุด มีข่าวดี เพราะมีการยืนยันพบสัญญาณบางอย่างระหว่างการค้นหาแล้ว โดยหน่วยค้นหา ระบุว่า ได้ยินเสียงดังใต้น้ำทุก ๆ 30 นาที หลังจากมีการนำอุปกรณ์โซนาร์มาใช้ในภารกิจ โดยเสียงดังต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ชั่วโมงนับตั้งแต่ตรวจพบเสียงครั้งแรก

จากการคาดการณ์ของหน่วยยามชายฝั่งสหรัฐฯ ตอนนี้ยานดำน้ำไททันเหลือออกซิเจนใช้ในเรือแค่ประมาณ 30 ชม.เท่านั้น ซึ่งถือเป็นความท้าทายสำคัญของภารกิจครั้งนี้

ด้านทิม มอลติน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องซากเรือไททานิก ให้สัมภาษณ์ว่า ผืนน้ำที่ระดับความลึก 3,800 เมตร ซึ่งเป็นจุดที่ซากเรือไททานิกจมอยู่ มืดสนิทถึงขั้นที่ว่า ต่อให้เอามือมาไว้ตรงหน้าก็มองไม่เห็น และสภาพอากาศหนาวเย็นจัด ไม่ต่างจากสภาพที่นักบินอวกาศต้องเผชิญเมื่อท่องอวกาศ

สำหรับไททัน เป็นยานดำน้ำ (Submersible) ของบริษัท โอเชียนเกต เอ็กซ์พีดิชันส์ (OceanGate Expeditions) จุคนได้ทั้งหมด 5 คน ภายในกว้างพอๆ กับรถมินิแวน ไม่มีเก้าอี้หรือที่นั่ง ลูกเรือต้องนั่งขัดสมาธิกับพื้น แต่มีห้องน้ำ 1 ห้อง สามารถลงไปที่ระดับความลึก 4,000 เมตร และอยู่ในน้ำได้นาน 96 ชั่วโมง หรือ 4 วัน ในขณะที่เรือดำน้ำ (Submarine) จะมีขนาดใหญ่กว่า มีพลังงานสำรองมากกว่า สามารถดำลงใต้ทะเลได้เอง

ขณะที่ยานดำน้ำยังต้องพึ่งพาเรือหลัก โดยในวันเกิดเหตุ ซึ่งเป็นช่วงเช้าวันอาทิตย์ ยานขาดการติดต่อกับเรือโพลาร์ พรินซ์ (Polar Prince) ที่เป็นเรือหลัก หลังดำลงไปได้ราว 1 ชั่วโมง 45 นาที และจนถึงขณะนี้ ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า เกิดอะไรขึ้น

สำหรับค่าใช้จ่ายในการลงไปชมซากเรือไททานิกอยู่ที่คนละ 250,000 ดอลลาร์ หรือเกือบ 9 ล้านบาท ซึ่งผู้โดยสารที่ลงไปกับยานในรอบนี้ นอกจากจะมี ฮามิช ฮาร์ดิง (Hamish Harding) มหาเศรษฐีนักธุรกิจการบินชาวอังกฤษ ยังมี ชาห์ซาดา ดาวูด (Shahzada Dawood) นักธุรกิจชาวปากีสถานและลูกชาย รวมถึงสต็อกตัน รัช (Stockton Rush) ซีอีโอและผู้ก่อตั้งบริษัทโอเชียนเกต เอ็กซ์พีดิชันส์ ด้วย

By admin

Related Post